ระวังอันตรายจากจุลินทรีย์ในดินสอพอง
ดินสอพองมีส่วนประกอบของ
สารแคลเซียมคาร์บอเนต ประมาณ 80-97 เปอร์เซ็นต์
ที่มีชื่อว่าดินสอพองก็เพราะเมื่อบีบมะนาวลงไป
ดินสอพองจะเป็นฟองฟู่ขึ้นมาเหมือนกับว่าดินพองตัวขึ้น
ดินสอพองมีโอกาสปนเปื้อนจุลินทรีย์ที่อยู่ในดินและอากาศ
ซึ่งหากมีจุลินทรีย์ปนเปื้อนในปริมาณมาก จะเกิดอันตราย
หากเข้าสู่ปาก ตา และผิวหนังที่มีแผลจะทำให้เกิด
การอักเสบรุนแรง
หากไม่มั่นใจว่าดินสอพองมีจุลินทรีย์ปนเปื้อนอยู่หรือไม่
ให้รีบล้างหน้าทำความสะอาดโดยเร็ว เพื่อไม่ให้สัมผัสนาน
และควรเลือกใช้ดินสอพองที่มีตรารับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน
หรือนำดินสอพองมาสะตุ คือการเผาฆ่าเชื้อโรคก่อนนำไปใช้
และควรเล่นสงกรานต์อย่างสุภาพ เพื่อไม่ให้เกิดอันตราย
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ห่วงใย เตือนภัย สุขภาพ
วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ระวัง..สารเคมีจากชุดชั้นในสีดำ! ก่อตัวเป็นมะเร็ง
เนื่องจากชุดชั้นในสีดำบางยี่ห้อมีสารเคมีสีดำในปริมาณสูง ซึ่งเป็นที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นตัวก่อมะเร็ง เพราะเมื่อผู้สวมใส่มีเหงื่อออกสารเคมีก็จะตกสีออกมา ทำให้ผิวหนังได้รับสารเคมีอันตราย และมันจะกระตุ้นให้เกิดมะเร็งได้
นอกจากสารเคมีสีดำก็ยัง พบสารอันตรายที่ชื่อว่า Diethyhexylpthalate (DEHP) ซึ่งเป็นตัวยึดทรงชุดชั้นใน สารตัวนี้ติดอันดับในรายการสารอันตรายที่ทางสหภาพยุโรประบุไว้ เพราะเป็นสารก่อมะเร็งและเป็นสารต้องห้ามสำหรับของเด็กเล่นและผลิตภัณฑ์ทารก
แต่สาวๆ ที่มีชุดชั้นในสีดำก็อย่าเพิ่งตกใจจนต้องโยนชุดชั้นในสีดำทิ้ง ผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำว่า หากซื้อชุดชั้นในสีดำมาก็จะต้องซักล้างให้สะอาดเกลี้ยงเกลาก่อนใส่ทุกครั้ง ก่อนนำไปใส่นะค่ะ
นอกจากสารเคมีสีดำก็ยัง พบสารอันตรายที่ชื่อว่า Diethyhexylpthalate (DEHP) ซึ่งเป็นตัวยึดทรงชุดชั้นใน สารตัวนี้ติดอันดับในรายการสารอันตรายที่ทางสหภาพยุโรประบุไว้ เพราะเป็นสารก่อมะเร็งและเป็นสารต้องห้ามสำหรับของเด็กเล่นและผลิตภัณฑ์ทารก
แต่สาวๆ ที่มีชุดชั้นในสีดำก็อย่าเพิ่งตกใจจนต้องโยนชุดชั้นในสีดำทิ้ง ผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำว่า หากซื้อชุดชั้นในสีดำมาก็จะต้องซักล้างให้สะอาดเกลี้ยงเกลาก่อนใส่ทุกครั้ง ก่อนนำไปใส่นะค่ะ
วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2553
เตือนภัยใกล้ตัว คนอยู่หอ
มีเหตุผลหลายประการสำหรับการตัดสินใจเช่าห้องพักตามหอพัก หรืออพาร์ทเม้นต์ ทั้งความสะดวกในการเดินทางไปทำงาน-เรียน ราคาถูกกว่าเช่าบ้าน ทำความสะอาดง่าย หรือบางคนอาจจะมีเงื่อนไขในการตัดสินใจเลือกเพิ่มขึ้นอีก อย่างเรื่องความปลอดภัย ที่บางคนมองข้าม อาจจะเพราะความจำเป็น หรือต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย
ค่าเช่าที่แพงขึ้นไม่มาก อาจแลกมาซึ่งความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ช่วยลดความเสี่ยง ป้องกันภัยร้าย เช่น การแลกบัตรเข้า-ออก กุญแจการ์ดที่อนุญาตให้เฉพาะผู้ถือบัตรเข้าอาคารได้ กล้องวงจรปิดที่บันทึกทุกความเคลื่อนไหว สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ แต่ถ้าขาดการรักษาความปลอดภัยที่ควรจะมี บางทีเหตุร้ายอาจเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด
อย่างในกรณีของนักศึกษาสาวคนหนึ่ง เช่าห้องพักที่หอซึ่งเธอยอมรับว่าขาดการรักษาความปลอดภัย แต่เธอก็เต็มใจเลือกเนื่องจากประหยัดค่าใช้จ่ายเป็นหลักหลายร้อย วันหนึ่งขณะที่เธอกำลังจะเดินทางไปเรียน เธอแต่งกายด้วยชุดนักศึกษาอย่างเรียบร้อย ลงลิฟท์ (ที่ไม่มีกล้องวงจรปิด)มาชั้นล่างเพียงคนเดียว ก่อนถึงชั้นล่าง ลิฟท์หยุดรับที่ชั้น 3 เมื่อประตูเปิดมีชายคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาใช้มีดจี้ที่เอว บังคับห้ามไม่ให้เธอส่งเสียง
เมื่อลิฟท์ลงมาถึงชั้นล่าง ไม่มีใครยืนรอใช้ลิฟท์ เขาจึงสั่งให้เธอกดลิฟท์ขึ้นไปชั้นบนสุด ขณะที่อยู่ในลิฟท์ เขาทำร้ายร่างกาย กระฉากกระเป๋าถือที่ในนั้นมีเงินสดจำนวนหนึ่ง โทรศัพท์มือถือ พร้อมกับลวนลามด้วยการจับหน้าอก เมื่อลิฟท์ขึ้นถึงชั้นบนสุด เขาฉุดกระฉากเธออกไปด้านนอก หวังจะพาเธอออกไปที่ดาดฟ้าเพื่อข่มขืน แต่โชคดีที่ประตูดาดฟ้าถูกล็อก เธอจึงถูกปล่อยตัวลงมา
หลังจากนั้น เธอรีบลงมาชั้นล่าง แจ้งกับเจ้าหน้าที่หอพักให้แจ้งตำรวจ จนสามารถจับกุมคนร้ายได้
หรือจะเป็นอีกกรณีที่เคยเป็นข่าว... คนร้ายตะเวนตามหอพัก โดยการเลือกห้องที่ไม่ได้ล็อกประตู แล้วเปิดเข้าไปขโมยของ หรือพยายามข่มขืนผู้หญิงที่อยู่ในห้อง ซึ่งตำรวจสามารถรวบตัวไว้ได้
แม้กรณีที่กล่าวถึง คนร้ายจะถูกจับกุม และดำเนินคดี แต่เชื่อว่ายังมีคนร้ายอีกหลายรายที่ก่อเหตุแล้วยังลอยนวล ดังนั้น หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องพักอาศัยอยู่ตามหอพัก ควรเพิ่มความระมัดระวัง เช่น ล็อกประตู-หน้าต่างห้องให้แน่นหนา ไม่เปิดประตูรับคนแปลกหน้า โดยอาจเจาะช่องมองหรือตาแมวที่ประตู และหากหอพักค่อนข้างเปลี่ยวก็ไม่ควรเดินไปไหนมาไหนคนเพียงลำพัง ควรฝึกหรือศึกษาเทคนิคการต่อสู้ป้องกันตัวเอาไว้บ้าง.
ค่าเช่าที่แพงขึ้นไม่มาก อาจแลกมาซึ่งความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ช่วยลดความเสี่ยง ป้องกันภัยร้าย เช่น การแลกบัตรเข้า-ออก กุญแจการ์ดที่อนุญาตให้เฉพาะผู้ถือบัตรเข้าอาคารได้ กล้องวงจรปิดที่บันทึกทุกความเคลื่อนไหว สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ แต่ถ้าขาดการรักษาความปลอดภัยที่ควรจะมี บางทีเหตุร้ายอาจเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด
อย่างในกรณีของนักศึกษาสาวคนหนึ่ง เช่าห้องพักที่หอซึ่งเธอยอมรับว่าขาดการรักษาความปลอดภัย แต่เธอก็เต็มใจเลือกเนื่องจากประหยัดค่าใช้จ่ายเป็นหลักหลายร้อย วันหนึ่งขณะที่เธอกำลังจะเดินทางไปเรียน เธอแต่งกายด้วยชุดนักศึกษาอย่างเรียบร้อย ลงลิฟท์ (ที่ไม่มีกล้องวงจรปิด)มาชั้นล่างเพียงคนเดียว ก่อนถึงชั้นล่าง ลิฟท์หยุดรับที่ชั้น 3 เมื่อประตูเปิดมีชายคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาใช้มีดจี้ที่เอว บังคับห้ามไม่ให้เธอส่งเสียง
เมื่อลิฟท์ลงมาถึงชั้นล่าง ไม่มีใครยืนรอใช้ลิฟท์ เขาจึงสั่งให้เธอกดลิฟท์ขึ้นไปชั้นบนสุด ขณะที่อยู่ในลิฟท์ เขาทำร้ายร่างกาย กระฉากกระเป๋าถือที่ในนั้นมีเงินสดจำนวนหนึ่ง โทรศัพท์มือถือ พร้อมกับลวนลามด้วยการจับหน้าอก เมื่อลิฟท์ขึ้นถึงชั้นบนสุด เขาฉุดกระฉากเธออกไปด้านนอก หวังจะพาเธอออกไปที่ดาดฟ้าเพื่อข่มขืน แต่โชคดีที่ประตูดาดฟ้าถูกล็อก เธอจึงถูกปล่อยตัวลงมา
หลังจากนั้น เธอรีบลงมาชั้นล่าง แจ้งกับเจ้าหน้าที่หอพักให้แจ้งตำรวจ จนสามารถจับกุมคนร้ายได้
หรือจะเป็นอีกกรณีที่เคยเป็นข่าว... คนร้ายตะเวนตามหอพัก โดยการเลือกห้องที่ไม่ได้ล็อกประตู แล้วเปิดเข้าไปขโมยของ หรือพยายามข่มขืนผู้หญิงที่อยู่ในห้อง ซึ่งตำรวจสามารถรวบตัวไว้ได้
แม้กรณีที่กล่าวถึง คนร้ายจะถูกจับกุม และดำเนินคดี แต่เชื่อว่ายังมีคนร้ายอีกหลายรายที่ก่อเหตุแล้วยังลอยนวล ดังนั้น หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องพักอาศัยอยู่ตามหอพัก ควรเพิ่มความระมัดระวัง เช่น ล็อกประตู-หน้าต่างห้องให้แน่นหนา ไม่เปิดประตูรับคนแปลกหน้า โดยอาจเจาะช่องมองหรือตาแมวที่ประตู และหากหอพักค่อนข้างเปลี่ยวก็ไม่ควรเดินไปไหนมาไหนคนเพียงลำพัง ควรฝึกหรือศึกษาเทคนิคการต่อสู้ป้องกันตัวเอาไว้บ้าง.
วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553
รู้ทันภัย 'แก๊งคอลเซ็นเตอร์'
รู้ทันภัย 'แก๊งคอลเซ็นเตอร์'
ปลอมเบอร์โทรหลอกโอนเงิน!
"แก๊งคอลเซ็นเตอร์” กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในปัจจุบัน โดยหลายรายที่ ตกเป็นเหยื่อต่างสูญเงินไปกับกลโกงมากมายมหาศาล แต่เมื่อภาครัฐเร่งจับและให้ความรู้กับประชาชน กลุ่มมิจฉาชีพกลับใช้อุบายในการปลอมเบอร์ของทางราชการหรือธนาคารเพื่อหลอกประชาชนให้หลงเชื่อ!!
การหลอกเหยื่อโดยใช้การโทรฯผ่าน เครือข่าย “วีโอไอพี” โดยการปลอมเลขหมายหน่วยงานราชการและธนาคารเริ่มมีความแพร่หลายอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นประชาชนควรมีความรู้เพื่อป้องกันตนเองจากกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้
ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่หลอกให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อโอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มมีมานานแล้ว แต่มีการพัฒนารูปแบบการหลอกใหม่ ๆ ขึ้น ล่าสุดได้มีการนำระบบ “วีโอไอพี” ของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มาดัดแปลง ด้วยการป้อนข้อมูลเบอร์โทรฯของหน่วยงานราชการและธนาคาร เพื่อให้เลขหมายดังกล่าวไปปรากฏขึ้นบนจอมือถือของผู้รับ เพื่อให้ผู้รับไม่ได้ระวังตัวเนื่องจากเป็นเลขหมายของสถานที่ราชการ ในอีกกรณีหนึ่ง มิจฉาชีพจะโทรฯมาโดยไม่แสดงเลขหมายบนมือถือผู้รับ หรือเบอร์เลขหมายที่มีมากกว่าปกติเหมือนกับเบอร์โทรฯต่างประเทศโทรฯเข้ามา เพื่อไม่ให้เหยื่อโทรฯติดต่อได้ง่าย
“ระบบวีโอไอพี” พัฒนาขึ้นบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพื่อการสื่อสารที่ มีราคาถูกลง โดยต้นสายสามารถคุยผ่านไมโครโฟนที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ไปยังปลายสายที่เป็นคอมพิวเตอร์ด้วยกันหรือโทรศัพท์ปลายทาง โดยส่วนใหญ่จะใช้ในการโทรฯจากต่างประเทศมาไทย เมื่อโทรฯมาจะมีผู้ให้ ใช้บริการในไทยเชื่อมต่อสัญญาณไปยังมือถือปลายสาย
การใช้วีโอไอพีเพื่อหลอกลวงส่วนใหญ่ บรรดาแก๊งมิจฉาชีพจะใช้วิธีตั้งออฟฟิศขึ้นในต่างประเทศเพื่อที่จะโทรฯมาหลอกคนไทย ขณะเดียวกันคนต่างชาติก็มาตั้งออฟฟิศเพื่อโทรฯหลอกคนประเทศตนเองในไทย แก๊งเหล่านี้น่าจะเป็นเครือข่ายเดียวกัน ด้วยพฤติกรรมการหลอกและการทำงานมีความใกล้เคียงกัน
ดังนั้น ประชาชนทั่วไปไม่ควรโทรศัพท์ขณะกดเอทีเอ็ม เนื่องจากมิจฉาชีพจะหลอกเพื่อให้ไปกดเอทีเอ็มแล้วพูดให้เหยื่องง จนหลงเชื่อกดโอนเงินไปยังบัญชีคนร้าย หรือในบางกรณีคนร้ายเร่งเพื่อให้เหยื่อกดตามคำสั่งจนไม่ได้อ่านตัวอักษรบนตู้ เอทีเอ็ม ไม่ว่าหน่วยงานใดก็ตามไม่มีนโยบายให้โทรศัพท์ไปด้วยกดเอทีเอ็มไปด้วย หากประชาชนเจอสถานการณ์ในกรณีดังกล่าวให้สังหรณ์ใจไว้ว่ากำลังถูกหลอก บางประเทศมีนโยบายไม่ให้โทรศัพท์ขณะกดเอทีเอ็มเพื่อความปลอดภัยของประชาชน โดยเมื่อเข้าใกล้ตู้เอทีเอ็มจะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์
ในบางกรณีเหยื่อก็หลงเชื่อมิจฉาชีพที่โทรฯมาโดย ใช้เบอร์หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พอเหยื่อโทรฯกลับไปสอบถามก็พบว่า มีคนดังกล่าวอยู่ในหน่วยงาน แต่ไม่ได้คุยสาย พอหลังจากนั้นมิจฉาชีพจะโทรฯมาอีกครั้งแล้วให้เหยื่อโอนเงิน
หากหลงเชื่อโอนเงินไปแล้ว ควรเก็บสลิปที่ออกมา จากตู้เอทีเอ็มและโทรฯไปยังธนาคารเพื่อระงับการทำธุรกรรมภายใน 2-3 นาที หลังจากโอนเงิน ในอนาคตตำรวจและธนาคารควรมีเบอร์โทรฯกลางเพื่อแจ้งในการระงับการทำธุรกรรมและสืบหาตัวผู้กระทำผิดได้อย่างทันท่วงที
กลวิธีที่มิจฉาชีพนิยมนำมาหลอกเหยื่อคือ
1.โทรฯสุ่มโดยไม่เลือก โดยใช้คอลเซ็นเตอร์ ที่อัดเทปเกลี้ยกล่อม ให้เหยื่อกดต่อไปยังพนักงานแล้วทำการหลอกให้โอนเงิน
2.มิจฉาชีพจะทำการโทรฯมาก่อนเพื่อหลอกให้ตอบคำถาม เช่น เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน ชื่อ-นามสกุล และเลขที่บัญชีธนาคาร หลังจากนั้นจะมีอีกสายโทรฯมาบอกว่า โทรฯมาจากหน่วยงานต่าง ๆ และสามารถบอกเลขที่บัญชีธนาคารและชื่อจริงตามที่มิจฉาชีพรายแรกได้โทรฯมาสอบถามก่อนแล้วซึ่งพอเหยื่อได้รับสายที่สองจะหลงเชื่อเพราะรู้ข้อมูลส่วนตัว แต่แท้ที่จริงทั้งสองสายเป็นแก๊งมิจฉาชีพ!
“สิ่งที่ต้องเร่งทำตอนนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้ความรู้กับประชาชน และเตรียมเชิญผู้ให้บริการวีโอ ไอพีในไทยวางระบบเพื่อป้องกันการปลอมเบอร์โทรฯ โดยผู้ที่กระทำผิดมีโทษทางกฎหมายเกี่ยวกับการฉ้อโกง ซึ่งหากท่านตกเป็นเหยื่อควรแจ้งตำรวจเพื่อเร่งดำเนินคดี หรือโทรฯมาที่สายด่วน 1200 หรือสายด่วน 1155 และสายด่วน 1135 โดยจะมีเจ้าหน้าที่รับเรื่องตลอด 24 ชั่วโมง”
ดร.โกเมน พิบูลย์โรจน์ ผู้อำนวยการโปรแกรมเทคโนโลยีเพื่อความมั่นคง ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ให้ความเห็นตรงกันว่า เวลาโทรศัพท์ไม่ควรกดเอทีเอ็มเพราะไม่มีหน่วยงานใดให้โทรศัพท์ไปด้วยกดเอทีเอ็ม ไปด้วย
ดังนั้นในเบื้องต้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรออกหนังสือเตือนให้ประชาชนและคนในหน่วยงานทราบ เนื่องจากถ้าตกเป็นเหยื่อไปแล้วย่อมสร้างความเสียหายต่อตนเอง การป้องกันด้วยการสร้างโปรแกรมป้องกันเบื้องต้นอาจต้องใช้เวลาและ ผู้ให้บริการต้องทำความเข้าใจกับผู้ใช้อย่างถี่ถ้วน
“วีโอไอพีเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ค่าใช้จ่ายต่ำ ซึ่งถ้าต้องการควบคุมพฤติกรรมของกลุ่มมิจฉาชีพไม่ควรสร้างผลกระทบต่อผู้ใช้บริการที่มีความจำเป็น จริง ๆ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมานั่งคุยกันเพื่อพัฒนาระบบไม่ให้มีการ ปลอมแปลงเบอร์”
อนาคตน่าจะมีการหลอกลวงโดยใช้ชื่อคนที่มี ชื่อเสียงมากขึ้น ซึ่งหากใครได้รับโทรศัพท์ที่อ้างว่า มาจากหน่วยงานและผู้ที่มีชื่อเสียงให้โอนเงินไม่ควรหลงเชื่อ!
ขึ้นชื่อว่า “เทคโนโลยี” นอกจากจะมีคุณประโยชน์แล้วยังมีโทษ ดังนั้นประชาชนควรระแวดระวังเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อรายต่อไปของกลุ่มมิจฉาชีพ.
วีโอไอพี คืออะไร?
วีโอไอพี (VoIP) ย่อมาจาก วอยส์โอเวอร์ไอพี (Voice over Internet Protocol) เป็นการสื่อสารทางเสียงผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ต หรือโครงข่ายอื่น ๆ ที่ใช้อินเทอร์เน็ตโพรโทคอล สัญญาณเสียงจะถูกตัดแบ่งเป็นแพ็กเกจวิ่งผ่านไปบนโครงข่ายที่ใช้สำหรับการสื่อสารข้อมูลทั่วไป แทนการใช้วงจรเฉพาะตามวิธีการสื่อสารในระบบโทรศัพท์แบบดั้งเดิม เปรียบได้กับการให้รถยนต์วิ่งแทรกกันได้ตามช่องว่างที่มีอยู่ของถนน แทนการให้รถยนต์คันเดียวจองถนนวิ่งแบบผูกขาด ข้อดีของวีโอไอพีก็คือการสามารถใช้โครงข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถให้บริการได้ในอัตราค่าบริการที่ถูกลงมาก
ในการใช้บริการวีโอไอพี ผู้ใช้บริการจะต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตก่อน หลังจากนั้น สามารถใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่เรียกว่า ซอฟต์โฟน และไมโครโฟนกับหูฟัง เพื่อพูดคุยกับปลายทางได้ ในปัจจุบัน มีอุปกรณ์ที่เรียกว่า อะนาล็อกเทเลโฟน อะแด็ปเตอร์ เข้ามาแทนการใช้คอมพิวเตอร์ ต่อกับอินเทอร์เน็ต และใช้เครื่องโทรศัพท์อะนาล็อกที่ใช้งานตามบ้านหรือสำนักงานทั่วไปในการโทรศัพท์แบบวีโอไอพีได้ ทำ ให้ได้รับความสะดวก และมีความรู้สึกไม่แตกต่างจากการใช้โทรศัพท์แบบดั้งเดิม
การใช้งานวีโอไอพี สามารถใช้งานได้ทั้งในการโทรศัพท์ถึงปลายทางที่เป็นวีโอไอพีเช่นเดียวกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่มีการเก็บค่าบริการ แต่ทั้งสองข้างจะต้องออนไลน์พร้อมกัน หรือจะโทรฯไปยังปลายทางที่เป็นหมายเลขโทรศัพท์ปกติ ทั้งโทรศัพท์ประจำที่ หรือโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็ได้ ในกรณีนี้จะต้องมีการสมัครเป็นสมาชิกของบริการและชำระค่าบริการล่วงหน้า แต่ค่าบริการจะถูกกว่าการโทรศัพท์ปกติมาก.
ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย
ปลอมเบอร์โทรหลอกโอนเงิน!
"แก๊งคอลเซ็นเตอร์” กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในปัจจุบัน โดยหลายรายที่ ตกเป็นเหยื่อต่างสูญเงินไปกับกลโกงมากมายมหาศาล แต่เมื่อภาครัฐเร่งจับและให้ความรู้กับประชาชน กลุ่มมิจฉาชีพกลับใช้อุบายในการปลอมเบอร์ของทางราชการหรือธนาคารเพื่อหลอกประชาชนให้หลงเชื่อ!!
การหลอกเหยื่อโดยใช้การโทรฯผ่าน เครือข่าย “วีโอไอพี” โดยการปลอมเลขหมายหน่วยงานราชการและธนาคารเริ่มมีความแพร่หลายอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นประชาชนควรมีความรู้เพื่อป้องกันตนเองจากกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้
ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่หลอกให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อโอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มมีมานานแล้ว แต่มีการพัฒนารูปแบบการหลอกใหม่ ๆ ขึ้น ล่าสุดได้มีการนำระบบ “วีโอไอพี” ของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มาดัดแปลง ด้วยการป้อนข้อมูลเบอร์โทรฯของหน่วยงานราชการและธนาคาร เพื่อให้เลขหมายดังกล่าวไปปรากฏขึ้นบนจอมือถือของผู้รับ เพื่อให้ผู้รับไม่ได้ระวังตัวเนื่องจากเป็นเลขหมายของสถานที่ราชการ ในอีกกรณีหนึ่ง มิจฉาชีพจะโทรฯมาโดยไม่แสดงเลขหมายบนมือถือผู้รับ หรือเบอร์เลขหมายที่มีมากกว่าปกติเหมือนกับเบอร์โทรฯต่างประเทศโทรฯเข้ามา เพื่อไม่ให้เหยื่อโทรฯติดต่อได้ง่าย
“ระบบวีโอไอพี” พัฒนาขึ้นบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพื่อการสื่อสารที่ มีราคาถูกลง โดยต้นสายสามารถคุยผ่านไมโครโฟนที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ไปยังปลายสายที่เป็นคอมพิวเตอร์ด้วยกันหรือโทรศัพท์ปลายทาง โดยส่วนใหญ่จะใช้ในการโทรฯจากต่างประเทศมาไทย เมื่อโทรฯมาจะมีผู้ให้ ใช้บริการในไทยเชื่อมต่อสัญญาณไปยังมือถือปลายสาย
การใช้วีโอไอพีเพื่อหลอกลวงส่วนใหญ่ บรรดาแก๊งมิจฉาชีพจะใช้วิธีตั้งออฟฟิศขึ้นในต่างประเทศเพื่อที่จะโทรฯมาหลอกคนไทย ขณะเดียวกันคนต่างชาติก็มาตั้งออฟฟิศเพื่อโทรฯหลอกคนประเทศตนเองในไทย แก๊งเหล่านี้น่าจะเป็นเครือข่ายเดียวกัน ด้วยพฤติกรรมการหลอกและการทำงานมีความใกล้เคียงกัน
ดังนั้น ประชาชนทั่วไปไม่ควรโทรศัพท์ขณะกดเอทีเอ็ม เนื่องจากมิจฉาชีพจะหลอกเพื่อให้ไปกดเอทีเอ็มแล้วพูดให้เหยื่องง จนหลงเชื่อกดโอนเงินไปยังบัญชีคนร้าย หรือในบางกรณีคนร้ายเร่งเพื่อให้เหยื่อกดตามคำสั่งจนไม่ได้อ่านตัวอักษรบนตู้ เอทีเอ็ม ไม่ว่าหน่วยงานใดก็ตามไม่มีนโยบายให้โทรศัพท์ไปด้วยกดเอทีเอ็มไปด้วย หากประชาชนเจอสถานการณ์ในกรณีดังกล่าวให้สังหรณ์ใจไว้ว่ากำลังถูกหลอก บางประเทศมีนโยบายไม่ให้โทรศัพท์ขณะกดเอทีเอ็มเพื่อความปลอดภัยของประชาชน โดยเมื่อเข้าใกล้ตู้เอทีเอ็มจะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์
ในบางกรณีเหยื่อก็หลงเชื่อมิจฉาชีพที่โทรฯมาโดย ใช้เบอร์หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พอเหยื่อโทรฯกลับไปสอบถามก็พบว่า มีคนดังกล่าวอยู่ในหน่วยงาน แต่ไม่ได้คุยสาย พอหลังจากนั้นมิจฉาชีพจะโทรฯมาอีกครั้งแล้วให้เหยื่อโอนเงิน
หากหลงเชื่อโอนเงินไปแล้ว ควรเก็บสลิปที่ออกมา จากตู้เอทีเอ็มและโทรฯไปยังธนาคารเพื่อระงับการทำธุรกรรมภายใน 2-3 นาที หลังจากโอนเงิน ในอนาคตตำรวจและธนาคารควรมีเบอร์โทรฯกลางเพื่อแจ้งในการระงับการทำธุรกรรมและสืบหาตัวผู้กระทำผิดได้อย่างทันท่วงที
กลวิธีที่มิจฉาชีพนิยมนำมาหลอกเหยื่อคือ
1.โทรฯสุ่มโดยไม่เลือก โดยใช้คอลเซ็นเตอร์ ที่อัดเทปเกลี้ยกล่อม ให้เหยื่อกดต่อไปยังพนักงานแล้วทำการหลอกให้โอนเงิน
2.มิจฉาชีพจะทำการโทรฯมาก่อนเพื่อหลอกให้ตอบคำถาม เช่น เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน ชื่อ-นามสกุล และเลขที่บัญชีธนาคาร หลังจากนั้นจะมีอีกสายโทรฯมาบอกว่า โทรฯมาจากหน่วยงานต่าง ๆ และสามารถบอกเลขที่บัญชีธนาคารและชื่อจริงตามที่มิจฉาชีพรายแรกได้โทรฯมาสอบถามก่อนแล้วซึ่งพอเหยื่อได้รับสายที่สองจะหลงเชื่อเพราะรู้ข้อมูลส่วนตัว แต่แท้ที่จริงทั้งสองสายเป็นแก๊งมิจฉาชีพ!
“สิ่งที่ต้องเร่งทำตอนนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้ความรู้กับประชาชน และเตรียมเชิญผู้ให้บริการวีโอ ไอพีในไทยวางระบบเพื่อป้องกันการปลอมเบอร์โทรฯ โดยผู้ที่กระทำผิดมีโทษทางกฎหมายเกี่ยวกับการฉ้อโกง ซึ่งหากท่านตกเป็นเหยื่อควรแจ้งตำรวจเพื่อเร่งดำเนินคดี หรือโทรฯมาที่สายด่วน 1200 หรือสายด่วน 1155 และสายด่วน 1135 โดยจะมีเจ้าหน้าที่รับเรื่องตลอด 24 ชั่วโมง”
ดร.โกเมน พิบูลย์โรจน์ ผู้อำนวยการโปรแกรมเทคโนโลยีเพื่อความมั่นคง ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ให้ความเห็นตรงกันว่า เวลาโทรศัพท์ไม่ควรกดเอทีเอ็มเพราะไม่มีหน่วยงานใดให้โทรศัพท์ไปด้วยกดเอทีเอ็ม ไปด้วย
ดังนั้นในเบื้องต้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรออกหนังสือเตือนให้ประชาชนและคนในหน่วยงานทราบ เนื่องจากถ้าตกเป็นเหยื่อไปแล้วย่อมสร้างความเสียหายต่อตนเอง การป้องกันด้วยการสร้างโปรแกรมป้องกันเบื้องต้นอาจต้องใช้เวลาและ ผู้ให้บริการต้องทำความเข้าใจกับผู้ใช้อย่างถี่ถ้วน
“วีโอไอพีเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ค่าใช้จ่ายต่ำ ซึ่งถ้าต้องการควบคุมพฤติกรรมของกลุ่มมิจฉาชีพไม่ควรสร้างผลกระทบต่อผู้ใช้บริการที่มีความจำเป็น จริง ๆ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมานั่งคุยกันเพื่อพัฒนาระบบไม่ให้มีการ ปลอมแปลงเบอร์”
อนาคตน่าจะมีการหลอกลวงโดยใช้ชื่อคนที่มี ชื่อเสียงมากขึ้น ซึ่งหากใครได้รับโทรศัพท์ที่อ้างว่า มาจากหน่วยงานและผู้ที่มีชื่อเสียงให้โอนเงินไม่ควรหลงเชื่อ!
ขึ้นชื่อว่า “เทคโนโลยี” นอกจากจะมีคุณประโยชน์แล้วยังมีโทษ ดังนั้นประชาชนควรระแวดระวังเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อรายต่อไปของกลุ่มมิจฉาชีพ.
วีโอไอพี คืออะไร?
วีโอไอพี (VoIP) ย่อมาจาก วอยส์โอเวอร์ไอพี (Voice over Internet Protocol) เป็นการสื่อสารทางเสียงผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ต หรือโครงข่ายอื่น ๆ ที่ใช้อินเทอร์เน็ตโพรโทคอล สัญญาณเสียงจะถูกตัดแบ่งเป็นแพ็กเกจวิ่งผ่านไปบนโครงข่ายที่ใช้สำหรับการสื่อสารข้อมูลทั่วไป แทนการใช้วงจรเฉพาะตามวิธีการสื่อสารในระบบโทรศัพท์แบบดั้งเดิม เปรียบได้กับการให้รถยนต์วิ่งแทรกกันได้ตามช่องว่างที่มีอยู่ของถนน แทนการให้รถยนต์คันเดียวจองถนนวิ่งแบบผูกขาด ข้อดีของวีโอไอพีก็คือการสามารถใช้โครงข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถให้บริการได้ในอัตราค่าบริการที่ถูกลงมาก
ในการใช้บริการวีโอไอพี ผู้ใช้บริการจะต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตก่อน หลังจากนั้น สามารถใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่เรียกว่า ซอฟต์โฟน และไมโครโฟนกับหูฟัง เพื่อพูดคุยกับปลายทางได้ ในปัจจุบัน มีอุปกรณ์ที่เรียกว่า อะนาล็อกเทเลโฟน อะแด็ปเตอร์ เข้ามาแทนการใช้คอมพิวเตอร์ ต่อกับอินเทอร์เน็ต และใช้เครื่องโทรศัพท์อะนาล็อกที่ใช้งานตามบ้านหรือสำนักงานทั่วไปในการโทรศัพท์แบบวีโอไอพีได้ ทำ ให้ได้รับความสะดวก และมีความรู้สึกไม่แตกต่างจากการใช้โทรศัพท์แบบดั้งเดิม
การใช้งานวีโอไอพี สามารถใช้งานได้ทั้งในการโทรศัพท์ถึงปลายทางที่เป็นวีโอไอพีเช่นเดียวกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่มีการเก็บค่าบริการ แต่ทั้งสองข้างจะต้องออนไลน์พร้อมกัน หรือจะโทรฯไปยังปลายทางที่เป็นหมายเลขโทรศัพท์ปกติ ทั้งโทรศัพท์ประจำที่ หรือโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็ได้ ในกรณีนี้จะต้องมีการสมัครเป็นสมาชิกของบริการและชำระค่าบริการล่วงหน้า แต่ค่าบริการจะถูกกว่าการโทรศัพท์ปกติมาก.
ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย
วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553
เตือน ...ภัยเงียบจาก....... ปาท่องโก๋
ปาท่องโก๋ อาจมีภัยเงียบจากพวกไขมันที่อิ่มตัวซ่อนอยู่ อาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้บริโภคได้
ถ้าถามกันเล่น ๆ ว่า อาหารเช้ายอดนิยมของคนไทยในปัจจุบันนี้มีอะไรบ้าง เชื่อว่าหนึ่งในนั้นย่อมมี "น้ำเต้าหู้" กับ "ปาท่องโก๋" อยู่ด้วยแน่ ๆ ทว่าเบื้องลึกเบื้องหลังความกรอบอร่อยของเจ้าปาท่องโก๋นั้น อาจมีภัยเงียบจากพวกไขมันที่อิ่มตัวซ่อนเร้นอยู่ไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะไขมันชนิดทรานส์ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้บริโภคได้อย่างคาดไม่ถึง
ไขมันชนิดทรานส์ หรือ Trans Fat จะว่าไปก็คือไขมันอิ่มตัวดี ๆ นี่แหละ แต่เมื่อผ่านกระบวนการผลิตที่มีการเติมไฮโดรเจนเพิ่มลงไป เพื่อให้มีคุณสมบัติที่ไม่เป็นไข และไม่เหม็นหืนจากออกซิเจนในอากาศได้โดยง่าย รวมทั้งเหมาะแก่การนำมาใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร โดยเฉพาะพวกขนมอบ เบเกอรี่ หรืออาหารจำพวกแป้งที่ต้องผ่านการทอดด้วยน้ำมัน จะพบไขมันชนิดทรานส์นี้ได้มากเป็นพิเศษ
อันตรายที่น่ากลัวของไขมันชนิดทรานส์ ไม่เพียงแต่ทำลายไขมันชนิดดี หรือเอชดีแอล (HDL) ที่มีประโยชน์ในร่างกายเท่านั้น แต่ยังไปเพิ่มไขมันชนิดร้าย (LDL) ให้มากขึ้น ซึ่งไขมันร้ายที่ว่านี้ มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคมะเร็ง และโรคระบบภูมิต้านทานให้ทำงานผิดปกติอีกด้วย
ทางที่ดีควรเลือกกินอาหารให้หลากหลาย และครบห้าหมู่ตามที่ร่างกายต้องการจะดีที่สุด การกินแต่อาหารชนิดเดิม ๆ ซ้ำ ๆ กันทุกวัน นอกจากจะได้สารอาหารที่ไม่ครบถ้วนแล้ว ยังเป็นการสะสมสารพิษชนิดต่าง ๆ เข้าไปในร่างกายอีกด้วย
วันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2553
เตือนวัยรุ่นอินเทรนด์แฟชั่น“เล็คกิ้ง”ดำ เสี่ยงไข้เลือดออก
เตือนวัยรุ่นอินเทรนด์แฟชั่น“เล็คกิ้ง”ดำ เสี่ยงไข้เลือดออก สียั่วยวนยุงลาย แนะเลี่ยงใส่โทนทึบ
รมช.สธ.เตือนวัยรุ่นฮิตแฟชั่น"เล็คกิ้ง"ดำ เสี่ยงสูงป่วยไข้เลือดออก เหตุสีดำยั่วยวนยุงลายง่ายต่อการเจาะปากดูดเลือด แนะเลี่ยงใส่โทนทึบ เผยช่วง 7 เดือนปี 53 ป่วยพุ่งกว่า 4.5 หมื่นราย เสียชีวิต 43 ราย กลุ่มวัยรุ่น 10-24 ปี เป็นมากสุดกว่าร้อยละ 50
ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในปีนี้น่าห่วงมาก จำนวนผู้ป่วยสูงกว่าปีที่ผ่านมาประมาณร้อยละ 40 ตั้งแต่เดือนมกราคม-30 กรกฎาคม 2553 ทั่วประเทศมีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกแล้ว 45,379 ราย เสียชีวิต 43 ราย โดยพบผู้ป่วยทุกกลุ่มอายุ มากที่สุดคือกลุ่มเด็กโตถึงวัยรุ่น อายุ 10-24 ปี พบร้อยละ 52 ซึ่งต่างจากช่วง 3-4 ปีก่อนที่พบในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 9 ปีมากกว่า
ขณะนี้มีรายงานพบเด็กแรกเกิดอายุต่ำกว่า 28 วัน ป่วยจำนวน 7 ราย ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปป่วย 322 ราย กระทรวงสาธารณสุขได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ และอสม. ร่วมกันประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้ประชาชนช่วยกันทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย โดยเฉพาะในบ้าน
เนื่องจากผลวิเคราะห์จากผู้ป่วยพบว่ากว่าร้อยละ 80 ถูกยุงลายในบ้านกัด ซึ่งแหล่งน้ำในบ้านที่มักมียุงลายวางไข่ ได้แก่ ถังน้ำ โอ่งน้ำ พบได้ร้อยละ 40 รองลงมาคือน้ำหล่อขาตู้กับข้าว แจกัน วิธีการลดปริมาณยุงลายที่ดีที่สุดคือการทำลายลูกน้ำทุก 5 -7 วันเพื่อไม่ให้มีโอกาสโตเป็นยุงเต็มวัย หากบ้านเรือนทั้ง 22 ล้านครัวเรือนช่วยกัน มั่นใจว่าปริมาณยุงลายตัวเต็มวัยจะลดลง เพราะยุง 1 ตัวจะมีอายุประมาณ 30-45 วัน ส่วนเรื่องการรักษาได้เน้นย้ำให้แพทย์ พยาบาลทุกคนปฏิบัติตามมาตรฐาน หากพบผู้ป่วยทุกอายุที่มีไข้สูง ขอให้นึกถึงโรคไข้เลือดออก และดูแลใกล้ชิด เพื่อลดการเสียชีวิตของผู้ป่วยให้ได้มากที่สุด
ดร.พรรณสิริ กล่าวต่อว่า เรื่องที่น่าเป็นห่วงก็คือการแต่งตัวของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นทั้งเขตเมืองและชนบท
ขณะนี้นิยมแฟชั่นเล็คกิ้งหรือกางเกงใส่กันโป๊ ซึ่งเป็นกระแสแฟชั่นฮิตจากเกาหลี มีลักษณะเป็นผ้ายืดมีทั้งขายาว ขาสั้น ขาสี่ส่วน มีหลากสีใส่แนบขา แต่ที่นิยมมากที่สุดคือสีดำ ซึ่งเป็นสีที่ยุงลายชอบ และยุงชนิดนี้จะออกหากินช่วงกลางวันอยู่แล้ว ทำให้ผู้ใส่มีความเสี่ยงถูกยุงลายซึ่งมีปากแหลมกัดเจาะผ่านรูผ้ายืดของกางเกงเข้าไปดูดเลือดได้โดยง่าย หากยุงที่กัดมีเชื้อไข้เลือดออกก็จะทำให้ติดเชื้อและป่วยได้ จึงขอแนะนำประชาชนให้หลีกเลี่ยงใส่เสื้อผ้าสีโทนทึบ โทนดำ เพื่อหลีกเลี่ยงการยั่วยวนยุงลาย ควรเลือกใช้เสื้อผ้าสีอ่อนๆ สวมใส่กางเกงที่ป้องกันไม่ให้ยุงลายกัดได้ เช่นกางเกงยีนส์ หรือกางเกงผ้าหนาๆ ซึ่งในช่วงเดือนมิถุนายน – กันยายนทุกปี เป็นช่วงระบาดของไข้เลือดออก จะพบผู้ป่วยช่วงนี้มากที่สุด
นายแพทย์นรา นาควัฒนานุกูล อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้กองสุขศึกษาดำเนินการสำรวจพฤติกรรมป้องกันโรคไข้เลือดออกของประชาชน โดยผลสำรวจล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายน 2553 ใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,601 คนใน 18 จังหวัดที่เคยมีการะบาดของโรคไข้เลือดออก ได้แก่ สระบุรี สิงห์บุรี ปราจีนบุรี กาญจนบุรี สมุทรสงคราม พัทลุง กระบี่ ปัตตานี จะนทบุรี อุดรธานี สกลนคร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ ชัยภูมิ ลำปาง น่าน อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ และกรุงเทพฯ พบว่าประชาชนร้อยละ 35 ไม่สนใจล้างทำความสะอาดภาชนะเก็บน้ำในห้องน้ำ ซึ่งตามหลักต้องทำทุกสัปดาห์ โดยมีเพียงร้อยละ 63 เท่านั้นที่ทำเป็นประจำ และอีกร้อยละ 31 ไม่เคยตรวจและทำลายลูกน้ำในภาชนะเก็บน้ำในบ้านเช่นน้ำหล่อขาตู้กับข้าว แจกัน ที่เก็บน้ำอื่นๆ ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้ไม่ควรละเว้น เนื่องจากยุงลายตัวเมียสามารถวางไข่ได้คราวละ 300-400 ฟอง เมื่อเป็นลูกน้ำ จะสามารถกลายเป็นตัวยุงมีปีกบินได้ภายใน 5-7 วัน จะเพิ่มความเสี่ยงในการถูกยุงลายกัดมากขึ้น
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
รมช.สธ.เตือนวัยรุ่นฮิตแฟชั่น"เล็คกิ้ง"ดำ เสี่ยงสูงป่วยไข้เลือดออก เหตุสีดำยั่วยวนยุงลายง่ายต่อการเจาะปากดูดเลือด แนะเลี่ยงใส่โทนทึบ เผยช่วง 7 เดือนปี 53 ป่วยพุ่งกว่า 4.5 หมื่นราย เสียชีวิต 43 ราย กลุ่มวัยรุ่น 10-24 ปี เป็นมากสุดกว่าร้อยละ 50
ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในปีนี้น่าห่วงมาก จำนวนผู้ป่วยสูงกว่าปีที่ผ่านมาประมาณร้อยละ 40 ตั้งแต่เดือนมกราคม-30 กรกฎาคม 2553 ทั่วประเทศมีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกแล้ว 45,379 ราย เสียชีวิต 43 ราย โดยพบผู้ป่วยทุกกลุ่มอายุ มากที่สุดคือกลุ่มเด็กโตถึงวัยรุ่น อายุ 10-24 ปี พบร้อยละ 52 ซึ่งต่างจากช่วง 3-4 ปีก่อนที่พบในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 9 ปีมากกว่า
ขณะนี้มีรายงานพบเด็กแรกเกิดอายุต่ำกว่า 28 วัน ป่วยจำนวน 7 ราย ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปป่วย 322 ราย กระทรวงสาธารณสุขได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ และอสม. ร่วมกันประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้ประชาชนช่วยกันทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย โดยเฉพาะในบ้าน
เนื่องจากผลวิเคราะห์จากผู้ป่วยพบว่ากว่าร้อยละ 80 ถูกยุงลายในบ้านกัด ซึ่งแหล่งน้ำในบ้านที่มักมียุงลายวางไข่ ได้แก่ ถังน้ำ โอ่งน้ำ พบได้ร้อยละ 40 รองลงมาคือน้ำหล่อขาตู้กับข้าว แจกัน วิธีการลดปริมาณยุงลายที่ดีที่สุดคือการทำลายลูกน้ำทุก 5 -7 วันเพื่อไม่ให้มีโอกาสโตเป็นยุงเต็มวัย หากบ้านเรือนทั้ง 22 ล้านครัวเรือนช่วยกัน มั่นใจว่าปริมาณยุงลายตัวเต็มวัยจะลดลง เพราะยุง 1 ตัวจะมีอายุประมาณ 30-45 วัน ส่วนเรื่องการรักษาได้เน้นย้ำให้แพทย์ พยาบาลทุกคนปฏิบัติตามมาตรฐาน หากพบผู้ป่วยทุกอายุที่มีไข้สูง ขอให้นึกถึงโรคไข้เลือดออก และดูแลใกล้ชิด เพื่อลดการเสียชีวิตของผู้ป่วยให้ได้มากที่สุด
ดร.พรรณสิริ กล่าวต่อว่า เรื่องที่น่าเป็นห่วงก็คือการแต่งตัวของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นทั้งเขตเมืองและชนบท
ขณะนี้นิยมแฟชั่นเล็คกิ้งหรือกางเกงใส่กันโป๊ ซึ่งเป็นกระแสแฟชั่นฮิตจากเกาหลี มีลักษณะเป็นผ้ายืดมีทั้งขายาว ขาสั้น ขาสี่ส่วน มีหลากสีใส่แนบขา แต่ที่นิยมมากที่สุดคือสีดำ ซึ่งเป็นสีที่ยุงลายชอบ และยุงชนิดนี้จะออกหากินช่วงกลางวันอยู่แล้ว ทำให้ผู้ใส่มีความเสี่ยงถูกยุงลายซึ่งมีปากแหลมกัดเจาะผ่านรูผ้ายืดของกางเกงเข้าไปดูดเลือดได้โดยง่าย หากยุงที่กัดมีเชื้อไข้เลือดออกก็จะทำให้ติดเชื้อและป่วยได้ จึงขอแนะนำประชาชนให้หลีกเลี่ยงใส่เสื้อผ้าสีโทนทึบ โทนดำ เพื่อหลีกเลี่ยงการยั่วยวนยุงลาย ควรเลือกใช้เสื้อผ้าสีอ่อนๆ สวมใส่กางเกงที่ป้องกันไม่ให้ยุงลายกัดได้ เช่นกางเกงยีนส์ หรือกางเกงผ้าหนาๆ ซึ่งในช่วงเดือนมิถุนายน – กันยายนทุกปี เป็นช่วงระบาดของไข้เลือดออก จะพบผู้ป่วยช่วงนี้มากที่สุด
นายแพทย์นรา นาควัฒนานุกูล อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้กองสุขศึกษาดำเนินการสำรวจพฤติกรรมป้องกันโรคไข้เลือดออกของประชาชน โดยผลสำรวจล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายน 2553 ใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,601 คนใน 18 จังหวัดที่เคยมีการะบาดของโรคไข้เลือดออก ได้แก่ สระบุรี สิงห์บุรี ปราจีนบุรี กาญจนบุรี สมุทรสงคราม พัทลุง กระบี่ ปัตตานี จะนทบุรี อุดรธานี สกลนคร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ ชัยภูมิ ลำปาง น่าน อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ และกรุงเทพฯ พบว่าประชาชนร้อยละ 35 ไม่สนใจล้างทำความสะอาดภาชนะเก็บน้ำในห้องน้ำ ซึ่งตามหลักต้องทำทุกสัปดาห์ โดยมีเพียงร้อยละ 63 เท่านั้นที่ทำเป็นประจำ และอีกร้อยละ 31 ไม่เคยตรวจและทำลายลูกน้ำในภาชนะเก็บน้ำในบ้านเช่นน้ำหล่อขาตู้กับข้าว แจกัน ที่เก็บน้ำอื่นๆ ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้ไม่ควรละเว้น เนื่องจากยุงลายตัวเมียสามารถวางไข่ได้คราวละ 300-400 ฟอง เมื่อเป็นลูกน้ำ จะสามารถกลายเป็นตัวยุงมีปีกบินได้ภายใน 5-7 วัน จะเพิ่มความเสี่ยงในการถูกยุงลายกัดมากขึ้น
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2553
เตือนภัยใกล้ตัว ของกินปิ้งย่าง
หลายคนเคยได้ยินมาบ้างว่าของปิ้งๆ ย่างๆ เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่จะเป็นอันตรายแบบไหน และพอจะหลบเลี่ยงพิษภัยได้อย่างไร
ลมเย็นเตรียมจะมาเยือน เป็นสัญญาณของลานเบียร์ และอีกหนึ่งในเมนูของฤดูกาลนี้ เห็นจะไม่พ้นบุฟเฟต์เนื้อกระทะ หมูกระทะ ไก่กระทะ
หลายคนเคยได้ยินมาบ้างว่าของปิ้งๆ ย่างๆ เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่จะเป็นอันตรายแบบไหน และพอจะหลบเลี่ยงพิษภัย (แต่ยังลิ้มรสอร่อย) ได้อย่างไร หรือไม่ รศ.ดร.แก้ว กังสดาลอำไพ และ มลฤดี สุขประสารทรัพย์ จากสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ศึกษาเรื่องภัยของอาหารอร่อยแต่อันตรายเหล่านี้ไว้อย่างน่าสนใจ
อันว่าด้วยด้านตรงข้ามของความอร่อยจากอาหารปิ้ง-ย่าง-รมควันนั้น ก็คือสารพิษที่ชื่อ พีเอเอช (polycyclic aromatic hydrocarbon) ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับที่เกิดในควันไฟ ควันธูป ควันบุหรี่ ควันโรงงาน และควันอื่นๆ ที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ สารกลุ่มนี้ถูกพิสูจน์ชัดว่าก่อให้เกิดมะเร็งได้ในสัตว์ทดลอง และบางชนิดกล่าวได้ว่าก่อให้เกิดมะเร็งได้ในคน
สารนี้เกิดจากไขมันในเนื้อสัตว์ที่หยดติ๋งๆ ลงบนถ่ายขณะที่ให้ความร้อนต่ำ และเมื่ออากาศมีจำกัดทำให้การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ จึงเกิดควันที่มีสารพีเอเอชลอยฉุยๆ ขึ้นมาเกาะที่ผิวอาหาร โดยสารนี้จะมีมากในบริเวณที่ไหม้เกรียมของอาหารปิ้งย่างนั้น
นักวิทยาศาสตร์ด้านพิษวิทยาทางอาหาร ได้ทำการศึกษาวิธีการปิ้งย่างอาหารที่สามารถลดการเกิดสารพีเอเอช ดังนี้
1. ก่อนปิ้ง/ย่างเนื้อสัตว์ที่ติดมัน ควรตัดส่วนที่เป็นมันออกไปก่อน เพื่อลดไขมันที่จะไปหยดลงบนถ่าน
2. ถ้าเป็นไปได้ควรนำเนื้อสัตว์ที่จะย่างไปอบ ต้ม หรือเข้าไมโครเวฟเสียก่อน เพื่อลดการเกิดสารพีเอเอช
3. หันไปใช้เตาไฟฟ้า (ไร้ควัน) ซึ่งสามารถควบคุมระดับความร้อนได้มากกว่าการใช้เตาถ่าน
4. ถ้าต้องปิ้งย่างบนเตาถ่านธรรมดาๆ ควรใช้ถ่านที่อัดเป็นก้อน ไม่ควรใช้ถ่านป่นละเอียด หรืออาจจะใช้ฟืนที่เป็นไม้เนื้อแข็ง เพราะการเผาไหม้จะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ
5. การใช้ใบตองห่ออาหารก่อนจะทำการปิ้งย่าง เป็นการลดปริมาณไขมันจากอาหารที่หยดลงไปบนถ่าน และทำให้อาหารมีกลิ่นหอมใบตองดีด้วย
6. สำคัญสุดๆ ก็คือ หลังปิ้งย่างเสร็จแล้ว ควรหั่นส่วนที่ไหม้เกรียมออกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
อย่างไรก็ดี ถึงจะหั่นส่วนไหม้เกรียมทิ้งไปเพื่อขจัดสารพีเอเอชออกไปแล้ว แต่เจ้ากรรมที่ยังมีสารพิษอีกกลุ่มที่ชื่อ เอชซีเอ หรือ เฮเทอโรไซคลิกเอมีน (hetero cyclic amine) ซึ่งเป็นสารที่เกิดจากสารที่มีอยู่ในเนื้อสัตว์ทำปฏิกริยากันเอง โดยอาศัยความร้อนเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา เริ่มจากน้ำตาลและกรดอะมิโนทำปฏิกิริยากัน ซึ่งจะทำให้ได้สารเคมีประเภทหนึ่งซึ่งเรียกว่า ผลิตภัณฑ์เมลลาร์ด (Maillard reaction product) ซึ่งทำให้เนื้ออาหารมีสีสันและกลิ่นหอม จากนั้นสารกลุ่มนี้จึงไปทำปฏิกิริยากับ ครีเอทีน (creatine) ซึ่งเป็นสารชีวเคมีที่มีในเนื้อสัตว์ จนเกิดเป็นสารพิษก่อให้เกิดมะเร็งชนิดเอชซีเอ
สารเอชซีเอ นอกจากจะเกิดในอาหารปิ้งๆ ย่างๆ แล้ว ยังเกิดกับอาหารที่ผ่านการปรุงแบบต้มเคี่ยวเป็นระยะเวลานานๆ โดยการทดลองในห้องแล็บพบว่า การต้มเนื้อสัตว์นานเกิน 2 ชั่วโมง จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ กระเพาะอาหาร ตับอ่อน ต่อมอาหาร และหลอดอาหาร
วิธีที่พอจะหลีกเลี่ยงการเกิดสารพิษชนิดนี้ อาจทำได้โดยนำเนื้อสัตว์ที่แช่แข็งเข้าไมโครเวฟก่อนปรุง เพื่อให้เกิดการละลายและน้ำเลือดไหลออกจากเนื้อสัตว์ ซึ่งจะช่วยลดปริมาณของครีเอทีนที่มีส่วนสำคัญในการเกิดเอชซีเอ หรืออีกวิธีคือการเติมสารที่มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระลงไป เช่นผงใบหม่อน ที่สามารถผสมกับผงหมักเนื้อก่อนนำไปปรุง นอกจากนี้การต้มตุ๋นในระบบเปิดก่อให้เกิดสารเอชซีเอน้อยกว่าระบบปิดด้วย เพราะสารเอชซีเอจะระเหยไปพร้อมกับไอน้ำ
อีกวิธีที่จะช่วยลดการก่อฤทธิ์ของสารก่อมะเร็งกลุ่มนี้อาจทำได้ โดยการกินเคียงไปกับผักบางชนิด เช่น คะน้า กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บร็อกโคลี และผักใบเขียวอื่นๆ เนื่องจากสารพิษเหล่านี้จะมีการดูดซึมในร่างกาย โดยบางส่วนจะสะสมในเนื้อเยื่อไขมัน อีกส่วนถ้ามีปริมาณไม่มากเกินไปก็จะถูกลำเลียงไปขจัดทิ้งที่ตับ การกินผักเหล่านี้จะช่วยเสริมประสิทธิภาพให้กับระบบทำลายสารพิษของร่างกาย
ข้อมูลจากนักวิจัยผู้รู้จริง คงพอช่วยให้การเผชิญหน้ากับเนื้อกระทะ หมูปิ้ง ไก่ย่าง และอาหารต้น ตุ๋น รมควันนานาชนิดในฤดูกาลนี้ เป็นไปอย่างมั่นใจและเอาตัวรอดกันได้ก่อนจะสายเกินแก้
วันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2553
เตือนภัย “รองเท้าส้นสูง” ก่อโรคเสี่ยงนิ้วเท้าเก-งอ และเข่าเสื่อมก่อนวัย
สิ่งแรก คือ เกิดอาการปวดเท้า เจ็บเท้า เนื่องจากเท้าต้องเขย่งตลอดเวลา และถ้ารูปของรองเท้าส้นสูงเป็นแบบหน้าแคบ หัวแหลม จะทำให้บีบหน้าเท้า ยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดแก่ผู้สวมใส่ยิ่งขึ้น และอาจเกิดเท้าผิดรูปตามมา เช่น นิ้วหัวแม่เท้าเก นิ้วเท้างอ เป็นต้น
นอกจากนี้ จะทำให้น้ำหนักลงบริเวณฝ่าเท้าด้านหน้ามากกว่าส้นเท้า ทำให้เกิดอาการเจ็บบริเวณฝ่าเท้าด้านหน้า อาจมีหนังด้านแข็ง หรือการอับเสบของเอ็นที่เท้าด้วย
บางคนใส่ทั้งวัน จนปวดน่องในเวลากลางคืน และบางคนเป็นตะคริว เพราะการยืนเขย่งบนรองเท้าส้นสูงนานๆ ทำให้กล้ามเนื้อน่องทำงานหนักขึ้น จนน่องเกร็งเป็นลูกก็มี
ถ้าใส่แล้วเดินจ้ำเร็วๆ หรือลงบันไดด้วยแล้ว แรงกระแทกก็ยิ่งมากขึ้นตามน้ำหนักตัวและความเร็วในการเดิน และหากใส่รองเท้าที่สูงมากๆ เวลายืนมักหลังจะแอ่นมากขึ้น และเกิดอาการปวดหลังตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ข้อแนะนำดีๆ ในการใช้รองเท้าส้นสูง
1.ใส่รองเท้าส้นสูงเฉพาะเวลาจำเป็น
2. เลือกรองเท้าอย่าให้ส้นสูงเกินไป เช่น หนึ่งนิ้วครึ่ง - สองนิ้วครึ่งก็พอ
3.เลือกรองเท้าที่มีความกว้างของหน้ารองเท้าพอๆ กับหน้าเท้าของเรา พยายามเลี่ยงรองเท้าหัวแคบ หัวแหลม
4. ถ้าต้องการเพิ่มความสูงให้กับตนเองมากๆ ควรเลือกรองเท้าส้นตึกเพราะไม่ต้องเขย่งเท้ามาก แนะนำรองเท้าที่มีสายรัดทางด้านหลังหรือรองเท้ารัดส้น
5. เลือกรองเท้าส้นหนาดีกว่าส้นเข็ม เพื่อป้องกันเท้าพลิก
6.ส้นรองเท้าที่ทำจากยางดีกว่าไม้แข็งๆ เพราะช่วยดูดซับแรงกระแทกได้
7. หลังจากใส่รองเท้านานๆ ถ้ามีอาการปวดเท้า ควรแช่น้ำอุ่นเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อเท้า
8. ถ้าน่องตึง ควรบริหารน่องโดยการใช้มือสองข้างยันกำแพง ย่อเข่าข้างหนึ่งชิดกำแพง ขาอีกข้างยืดให้ตึงค้างไว้ทำสลับข้างท่าละ สิบ ครั้ง เพื่อยืดกล้ามเนื้อช่วยให้ไม่ปวดน่อง
เตือนภัยเชื้อโรคในร้านเสริมสวย
โรคติดต่อที่พบในร้าน เสริมสวยแบ่งเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้
*โรคเชื้อราผิวหนัง เจอได้ในผ้าเช็ดผม เพราะหากซักแล้วไม่ได้ผึ่งแดดให้แห้งสนิทเพื่อฆ่าเชื้อโรค เชื้อราจะเจริญเติบโต อีกอย่างคืออุปกรณ์ทำเล็บ เช่น กรรไกรตัดเล็บ ตะไบเล็บ อาจติดมาจากคนที่มีเชื้อและฆ่าเชื้อโรคไม่หมด รวมทั้งพบได้บ่อยในผู้ที่ชอบทำเล็บหรือต่อเล็บ เพราะทำให้เล็บจริงไม่ได้รับอากาศ เวลาโดนน้ำจะชื้น หากเป็นหนักเล็บจะเสียและยุ่ย
*โรค จากเชื้อไวรัส เช่น โรคหูด เกิดจากอุปกรณ์ที่สัมผัสกับผิวหนังต่างๆ เช่น กรรไกรตัดเล็บ หวี และหินขัดเท้า
*โรคจากเชื้อแบคทีเรีย เกิดจากอุปกรณ์ทั่วไปในร้านเสริมสวยที่ทำความสะอาดไม่ดีพอและใช้ร่วมกัน จำพวกหวีและแปรงต่างๆ
*โรคติดเชื้อ จากปรสิต เช่น ติดเหาจากอุปกรณ์ประเภทหวีและล่าสุด คือ อาจติดโคลนขนตาจากกาวที่ใช้ติดขนตาปลอม เพราะช่างใช้กาวหลอดเดียวกันกับลูกค้าหลายคน
*นอกจากโรคติดต่อทางผิว หนังแล้ว จากการศึกษายังพบโรคติดต่อทางเลือดอีกหลายชนิดในร้านเสริมสวย ซึ่งเกิดจากอุบัติเหตุและการไม่เปลี่ยนใบมีด
*โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เชื้อโรคไวรัสอักเสบชนิดบีและซี ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคตับอักเสบและมะเร็งตับ อุปกรณ์ที่เป็นพาหะคือมีดโกน กรรไกรตัดเล็บ และของมีคมต่างๆ ที่ใช้ในการเสริมความงาม
*จากการ วิจัยของมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ Emory University School of Medicine สหรัฐอเมริกา วิจัยพบว่าน้ำยาฆ่าเชื้อที่นิยมใช้กันในร้านเสริมสวยไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัส ตับอักเสบซีได้ ทางที่ดีควรเลือกร้านที่เปลี่ยนใบมีดจะดีที่สุด
*นอก จากนี้ยังมีอีกหลายโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสารเคมีที่ใช้ในร้านเสริมสวย ไม่ว่าจะเป็นยาย้อมผม ดัดผม ทำสี หรือสเปรย์
*แล้วเราจะ ป้องกันอย่างไร?
สังเกตว่า ร้านนั้นๆ มีระบบระบายอากาศที่ดีหรือไม่ เพื่อไม่ให้โดนละอองจากสารเคมีมากเกินไป และสังเกตความสะอาดของร้านและอุปกรณ์ที่ใช้ จะช่วยป้องกันเชื้อโรคเบื้องต้นได้ทางหนึ่ง
สัญญาณเตือนภัย 8 ประการ...พร้อมเคล็ดลับเด็ดเปลี่ยนผมเสียเป็นผมสวย
สัญญาณเตือนภัย 8 ประการ...พร้อมเคล็ดลับเด็ดเปลี่ยนผมเสียเป็นผมสวย(ผู้หญิงวันนี้)ใส่ใจใบหน้าและผิวพรรณ จนหลงลืมรักษาเส้นผมให้ดูสุขภาพดี มีชีวิตชีวากันหรือ เปล่า นี่คือสัญญาณเตือนภัยที่นำมาเตือนสาวๆ ที่หากใครเข้าข่ายพื้นที่อันตราย ขอแนะให้ รีบบำรุงบำเรอเส้นผมที่ไม่ต่างจากภาพลักษณ์ของเราเป็นการด่วน เพราะเดี๋ยวนี้สาวๆ มีเวลาให้กับการดูแลเส้นผมน้อยลง ไหนจะความเข้าใจผิดๆ ที่พานทำให้ละเลยเรื่อง สำคัญนี้อีก จึงถึงเวลาแล้วที่เราๆ ควรหันมาสนใจทรงผมและสุขภาพผม อันไม่ต่างจากภาพลักษณ์ นอกเหนือ การเลือกเสื้อผ้าและการแต่งกาย ใครค้นพบแล้วก็โชคดีไป แต่ถ้ายังแล้วละก็ อย่าหาว่าเราไม่เตือนเชียวล่ะ
สัญญาณที่ 1 : เส้นผมชี้ฟู ไม่มีน้ำหนัก
นี่ล่ะ สิ่งที่เกิดกับฉันเป็นประจำ ผมด้านบนแบนราบ ผมด้านข้างฟูยุ่ง จะจัดผมให้เป็นทรงไหน เผลอแป๊บ ๆ ก็กลับมาดูยุ่งเหยิง ไม่สวยอย่างที่ตั้งใจสักครั้ง
สไตลิสต์ขอบอก : สาวสวยทั่วฮอลลีวูดมีปัญหาไม่ต่างจากคุณ วิธีการสำหรับพวกเธอก็คือการซอย สไลด์เส้นผมให้ดูสลวย แลดูมีมิติ ขอแนะนำให้ช่างซอยผมเป็นแนวตั้ง เพราะจะช่วยทิ้งน้ำหนักผมได้ดีกว่า จากนั้นจัดทรงทุกปลายเส้น และหากผมยาวลองดัดให้ดูเป็นธรรมชาติ แค่นี้การจัดแต่งก็ง่ายขึ้นเยอะ โดย เฉพาะการจัดทรงผมในลุคต่างๆ
สัญญาณที่ 2 : เพื่อนสมัยมัธยมยังทักว่าเราดูเหมือนเดิม!
หายหน้าหายตากันไปตั้งนาน แต่ไหงมาทักว่าเรายังเหมือนเดิมกันได้ ไม่ยอมแน่เชียว ก็ฉันปรับอะไรๆ มา แล้วตั้งเยอะ โดยเฉพาะสไตล์การแต่งตัว แต่งหน้า การดูแลใบหน้า หรือว่าเอ๊ะ...
สไตลิสต์ขอบอก : นี่คือประเด็นที่สาวๆ มักหลงลืมและไม่ใส่ใจ ว่าแท้ที่จริงแล้ว ทรงผมสามารถบอก อะไรๆ ในตัวเราได้มากมายหลายอย่าง ซึ่งนอกจากเรื่องบุคลิกภาพ และนิสัยส่วนตัวแล้ว ทรงผมยังสามารถ บอกลุคทั้งหมดของคุณได้! สไตลิสต์ชั้นนำจึงมักแนะนำให้ดารา นักร้อง และเซเลบริตี้คนดัง หันมาเปลี่ยนทรง และสีผมก่อนจะหันหามองผ้าเสื้อผ้าเก๋ๆ ลองใช้เคล็ดลับเดียวกับที่คนดังเขาสร้างภาพลักษณ์ดูสิ แล้วจะรู้ว่าลุค ดีๆ น่ะสร้างได้จริง
สัญญาณที่ 3 : ไม่มีใครสังเกตไฮไลต์ฉันสักนิด
อุตส่าห์ลงทุนเปลี่ยนสีผม แถมยังทำไฮไลต์อีกต่างหาก หมดเงินไปตั้งเยอะ แต่ทำไมบรรดาเพื่อนสาวของ เราถึงไม่มีใครมาถามทัก เอ...แต่ดูๆ ไปก็ไม่ค่อยออกสีสักเท่าไหร่นี่นะ แต่ก็ไม่น่าน่ะ ในเมื่อตอนออกแดดผมดูมี สีสันเงางามจะตาย
สไตลิสต์ขอบอก : เพื่อนๆ เขาไม่ได้เมินเฉยคุณหรอก แต่สีที่คุณเลือกมันหนักเกินไปต่างหาก หรือไม่ สีที่เลือกก็ทำปฏิกิริยากับสีเก่า ทำให้สีสันไม่โดดเด่นอย่างที่คิด ขอแนะนำให้บอกช่างอย่างละเอียดว่าทำสีเก่า มานานเท่าไหร่แล้ว เคยทำสีอะไร และหากจะทำสีใหม่ ขอให้ซักถามคำแนะนำอย่างละเอียด ทั้งนี้การทำสีบาง ประเภทจะเห็นชัดเจนเมื่อกระทบกับแสงแดด และบ้างก็จะออกสีชัดเจนเมื่อผ่านระยะเวลาหนึ่งไปก่อน
สัญญาณที่ 4 : สีผมกับสีผิว ทำไมเหมือนกันเด๊ะ
่ไม่ชอบเลยที่สีผม และสีผิวกลืนกันไปหมด นี่ก็ว่าจะเปลี่ยนผมให้สว่างเสียหน่อย จะได้มีอะไรเด่นๆ ออก มาบ้าง
สไตลิสต์ขอบอก : เป็นธรรมชาติของคนเราที่มีจะสีผม และสีผิวที่สอดคล้องกัน ข้อแนะนำจากช่างผม ชื่อดังคือการปรับให้ดูต่างกันเล็กน้อย โดยเลือกปรับสีผมให้ดูอ่อนกว่าสีผิว 1 - 2 ระดับ เช่นหากมีผิวขาวควร มีผมสีน้ำตาล ผิวคล้ำเลือกสีมะฮอกกานีหรือน้ำตาลอมทอง อย่าเลือกสีที่แตกต่างจนเกินไปจนทำให้ดูเป็นตัว ตลก และเลือกผลิตภัณฑ์ที่ให้สีผมเป็นธรรมชาติ เน้นผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากแอมโมเนีย มีเนื้อสีอุ่น และไม่ทำให้ ผมเสีย แค่นี้คุณก็น่ามองขึ้นเยอะ
สัญญาณที่ 5 - ใส่ผลิตภัณฑ์แต่งผมยังไง ผมก็ไม่รับสักนิด
อุตส่าห์ซื้อผลิตภัณฑ์แต่งผมที่แมกกาซีนเขายกนิ้วให้ ไม่ว่าจะเป็นแว็กซ์ เจล สเปรย์ หรือแม้แต่แฮร์ สเปรย์ เพิ่มวอลลุ่ม แต่ยังไง๊ ยังไง ผมสวยๆ อย่างเราก็ไม่รับ ไม่ติดผมอย่างเขาซะที อย่างนี้ต้องเปลี่ยนสักกี่ยี่ห้อกัน เนี่ย?
สไตลิสต์ขอบอก : ลองสังเกตช่างผมที่เขาเซ็ตผมดารา หรือนักแสดงดูสิ ก่อนที่จะลงผลิตภัณฑ์อะไรก็ ตามแต่ พวกเขามักจะเป่าผมให้แห้งเสียก่อน แต่เดี๋ยวก่อน เราไม่ได้บอกให้คุณเป่าผมทุกครั้งก่อนเซ็ตหรอกนะ แต่กำลังบอกว่าอุณหภูมิของผมต่างหากที่สำคัญ เพราะถ้ามีความร้อนพอสมควร จะเซ็ตหรือจะแต่งยังไงก็ง่าย ดายยิ่งขึ้น ส่วนเครื่องไฟฟ้าที่ช่วยสไตล์ผมต่างๆ ก็น่าไว้ใจได้ระดับหนึ่ง เพราะผลิตภัณฑ์จำพวกนี้มักเน้นการ ทำงานที่ปลอดภัย และช่วยทำให้เส้นผมแลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด
สัญญาณที่ 6 : ไม่รู้จะเซ็ตผมทรงอะไร ฉันเลยมัดผมตลอดเวลา
ไม่ใช่ว่าขี้เกียจ แต่ไม่รู้จะจัดแต่งทรงผมยังไงดี ฉันเลยมัดผมออกจากบ้านทุกวันซะเลย แถมผมหนาๆ ฟูๆ อย่างนี้ด้วยแล้ว ปล่อยผมไปก็ดูเป็นยายเพิ้งเอาเปล่าๆ
สไตลิสต์ขอบอก : ปล่อยผมให้แลดูธรรมชาติบ้างจะดีกว่า อย่างน้อยผมจะได้หายใจได้ และไม่ทำให้ เลือดต้องไปรวมตัวกันบริเวณที่คุณมัดผม (จนอาจปวดศีรษะได้) จากนั้นมองหาทรงผมที่เหมาะกับคุณมาก ที่สุด แม้บางทรงอาจจะต้องจัดแต่งบ้าง แต่เชื่อเถอะว่าทรงผมที่มีมิติ มีระดับ มีการจัดแต่ง จะทำให้คุณดูมี สไตล์มากกว่า
สัญญาณที่ 7 : ผมลีบแบนตลอดเวลา
บางทีฉันนึกอิจฉาคนที่ผมชี้ฟูเสียจริง ใครจะรู้บ้างนะ ว่าผมลีบๆ แบนๆ แถมบางทียังดูมันเยิ้ม มันช่างน่า อายยิ่งกว่าไหนๆ จัดแต่งยังไง ผมก็ดูไม่มีชีวิตชีวาเอาบ้างเสียเลย
สไตลิสต์ขอบอก : ผมลีบแบนไม่ต่างจากคนผิวแห้งที่ต้องการมอยเจอร์ไรเซอร์มาบำรุงเส้นผม ขอแนะ นำให้ฉีดแฮร์สเปรย์ที่ช่วยเพิ่มวอลลุ่ม รวมทั้งการลูบไล้มอยเจอร์ไรเซอร์จากรากสู่ปลายผมเป็นประจำ หากผม ยาว การดัดผมลอนใหญ่อาจช่วยได้ระดับหนึ่ง หรืออาจตัดผมสั้นไปเลย และไล่ระดับของทรงผมก็สามารถ เพิ่มความหนาได้
สัญญาณที่ 8 : ฉันใช้เวลาจัดทรงผมวันละ 20 นาทีเป็นอย่างต่ำ!
เรื่องแต่งหน้าน่ะ ฉันใช้เวลาแค่ 5 - 10 นาที แต่เรื่องทรงผมคงต้องให้เวลากับมันสักหน่อย ไหนจะบำรุง ไหนจะเป่าผม ไหนจะจัดแต่งอีกล่ะ กว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบครึ่งชั่วโมงโน่น
สไตลิสต์ขอบอก : นอกจากจะแสดงว่าคุณใส่ใจเรื่องเส้นผมมากมายเพียงใดแล้ว มันอาจยังหมายถึง ทรงผมที่ยังไม่ถูกใจและไม่เหมาะกับคุณก็ย่อมได้ ขอแนะนำคือการลงทุนเรื่องการตัดผมสักหน่อย เพราะทรง ผมที่สวยและเหมาะ ย่อมใช้เวลาในการเซ็ตเพียงไม่กี่นาที นอกจากนี้หากต้องการเปลี่ยนทรงผมใหม่ ควร ปรึกษากับช่างหรือสไตลิสต์ที่ไว้ใจได้ แค่นี้ก็สะดวกแต่ง (และประหยัดเวลา) ขึ้นเยอะ
วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2553
เตือนภัยประชาโรคที่เกิดขึ้นหน้าฝน
นายวงวัฒน์ ลิ่วลักษณ์ ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคติดต่อ สำนักอนามัย กทม. เปิดเผยว่า ขณะนี้เป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายเข้าสู่ฤดูฝน ส่งผลให้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ฝนตกต่อเนื่องและเกิดน้ำท่วมขังได้ หาก ประชาชน โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุดูแลรักษาสุขภาพของตนไม่ถูกต้อง อาจทำให้เจ็บป่วยด้วยโรคติดต่อต่างๆ อาทิ โรคติดต่อของระบบทางเดินอาหาร โรคติดเชื้อทางระบบผิวหนัง โรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ โรคไข้เลือดออก
โรคติดต่อระบบทางเดินอาหาร
โรคติดต่อทางน้ำและทางอาหารโดยเฉพาะในช่วงที่มีน้ำท่วม เช่น โรคท้องเดินหรือโรคอุจจาระร่วง โรคบิด ไทฟอยด์ อาหารเป็นพิษ ตับอักเสบ เกิดจากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำปนเปื้อนเชื้อโรค รับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น โรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ คออักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบหรือปอดบวม เกิดจากการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียในอากาศจากการไอ จาม หรือมือที่เปื้อนน้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะ กลุ่มผู้สูงอายุและเด็กเล็กต่ำกว่า 5 ขวบ ควรระมัดระวังเป็นพิเศษเนื่องจากเมื่อเป็นโรคปอดบวมอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ได้
ระวังอันตรายโรคฉี่หนู
โรคเลปโตสไปโรซิส เกิดจากเชื้อแบคทีเรียในฉี่หนูหรือสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข สุกร โค กระบือ สัตว์ป่าและสัตว์ฟันแทะที่เป็นสัตว์รังโรค โดยเชื้อปนเปื้อนในน้ำและสิ่งแวดล้อม เช่น ดิน โคลน แอ่งน้ำ ร่องน้ำ น้ำตก ที่ชื้นแฉะมีน้ำท่วมขัง เมื่อคนเดินย่ำน้ำหรือเล่นน้ำนานๆ เชื้อก่อโรคจะเข้าสู่ร่างกายทางผิวหนังที่เปื่อยยุ่ย บาดแผล รอยถลอก รอยขีดข่วน เยื่อบุจมูก เยื่อบุตา เยื่อบุในช่องปาก และอาจติดเชื้อจากการกินอาหารหรือดื่มน้ำปนเปื้อนฉี่หนู หากติดเชื้อและทิ้งไว้เป็นเวลานานอาจเสียชีวิตได้
ยุงหลากชนิดนำพิษโรคร้าย
โรคไข้เลือดออก เกิดจากเชื้อไวรัส มียุงลายเป็นพาหะนำโรค เมื่อถูกยุงที่มีเชื้อกัดและแสดงอาการต้องสงสัยติดเชื้อให้รีบพบแพทย์ หากได้รับการรักษาไม่ถูกต้องทันเวลาอาจเสียชีวิตได้ โรคมาลาเรีย เกิดจากเชื้อโปรโตซัว มียุงก้นปล่องที่มีแหล่งอาศัยในป่าตามแนวชายแดนของประเทศเป็นพาหะนำโรค เมื่อถูกยุงนำเชื้อกัดประมาณ 15–30 วันจะมีอากาศป่วย ต้องรีบพบแพทย์ตรวจและรักษาโดยเร็ว หากทิ้งไว้นานอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนเสียชีวิตได้ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคนี้ โรคไข้สมองอักเสบ เจ อี เกิดจากเชื้อไวรัส มียุงรำคาญเป็นพาหะนำโรคมักแพร่พันธุ์ในแหล่งน้ำทุ่งนา ซึ่งยุงรำคาญได้รับเชื้อจากการกินเลือดสัตว์ เมื่อกัดคนจะปล่อยเชื้อเข้าสู่ร่างกาย ผู้ป่วยที่อาการรุนแรงอาจไม่รู้สึกตัวและเสียชีวิต บางรายหายป่วยเกิดความพิการทางสมอง สติปัญญาเสื่อม หรือเป็นอัมพาตได้
หมั่นรักษาความสะอาดและหลีกเลี่ยงน้ำสกปรก
โรคเยื่อตาอักเสบ หรือตาแดง เกิดจากเชื้อไวรัส โดยเชื้ออยู่ในน้ำตาและขี้ตา ติดต่อโดยการสัมผัสใกล้ชิด หรือใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน การใช้น้ำไม่สะอาดล้างหน้า อาบน้ำ ถูกน้ำสกปรกที่มีเชื้อโรคกระเด็นเข้าตา หรือการใช้มือ แขน และเสื้อผ้าสกปรกขยี้ตา หรือเช็ดตา โรคน้ำกัดเท้า เกิดจากเชื้อรา สาเหตุมาจากการทำงานที่ต้องลุยอยู่ในน้ำสกปรกนานๆ ทำให้ผิวหนังซอกนิ้วเท้าแดง ขอบนูนเป็นวงกลม คัน หากเกาจะเป็นแผลมีน้ำเหลืองเยิ้ม
สังเกตบริเวณบ้าน งดทานเห็ดพิษ
อันตรายจากสัตว์มีพิษ เช่น งู ตะขาบ แมงป่อง หนีมาหลบอาศัยในบริเวณบ้าน โดยเฉพาะช่วงที่มีน้ำท่วมขัง และโรคอาหารเป็นพิษจากเห็ดพิษ จากรายงานการเฝ้าระวังโรคของกรมควบคุมโรค พบผู้ป่วยเสียชีวิตจากการรับประทานเห็ดพิษทุกปี โดยเฉพาะในช่วงต้นฤดูฝน ตั้งแต่เดือน พ.ค. – พ.ย. ด้วยการรับประทานเห็ดที่ขึ้นเองในป่า สวน ไร่ หรือเห็ดขึ้นเองตามธรรมชาติ ส่วนมากพบในภาพเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ขอให้ประชาชนระมัดระวังรักษาสุขภาพร่างกายให้อบอุ่น แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยจากโรคต่างๆ ซึ่งทำได้ง่ายๆ เพียงล้างมือฟอกสบู่ก่อนรับประทานอาหาร ดื่มน้ำและรับประทานอาหารที่สะอาด ปรุงสุกใหม่ๆ หลังจากเดินย่ำน้ำให้ล้างมือล้างเท้าทุกครั้ง ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงและระวังอย่าให้ยุงกัด อย่าใช้มือ แขน และผ้าสกปรกขยี้ตา หรือเช็ดตา ระวังไม่ให้น้ำสกปรกเข้าตา เมื่อน้ำสกปรกเข้าตาให้รีบล้างตาด้วยน้ำสะอาดทุกครั้ง หากมีอาการเจ็บป่วย ไม่สบาย หรือผิวหนังเริ่มเปื่อย เกิดตุ่มคัน น้ำกัดเท้า หรือมีบาดแผล ให้รีบพบแพทย์ตั้งแต่เริ่มเป็น ก่อนที่อาการจะลุกลาม
ที่มา: กองประชาสัมพันธ์ กทม.
เวลาที่ไม่ควรแปรงฟัน
แม้ว่าการแปรงฟันเป็นประจำจะเป็นสุขนิสัยที่ดีแต่มีบางเวลาที่ไม่ควรแปรงฟันในทันที
สมาคมทันตกรรมชิคาโก ระบุว่า ไม่ควรแปรงฟันทันทีหลังจากดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของโซดาหรือกรด เช่น น้ำอัดลม น้ำส้ม เพราะการแปรงฟันขณะที่มีกรดหลงเหลืออยู่ในปากจะยิ่งกระตุ้นให้ฟันผุง่ายยิ่งขึ้น
วิธีที่ควรทำหลังจากดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ คือ ดื่มน้ำเปล่าหรือเคี้ยวหมากฝรั่ง เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำลายมากขึ้นซึ่งจะช่วยปรับสมดุลภายในปาก หลังจากนั้นค่อยแปรงฟัน วิธีนี้ใช้กับผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อน ซึ่งมักจะมีน้ำย่อยที่มีสถานะเป็นกรดไหลย้อนมาอยู่ในปากได้ด้วย
เตือนภัยสาวๆที่ชอบต่อเล็บ
สาวๆ คนไหนชื่นชอบการต่อเล็บเป็นชีวิตจิตใจ ต้องอย่าลืมมองข้ามความปลอดภัย และพึงระวังภัยเงียบที่เกิดจากการต่อเล็บเป็นพิเศษ เอาเป็นว่าไปติดตามกันเลยดีกว่าว่าเจ้าภัยเงียบนี้คืออะไร...
ภัยเงียบที่อาจเกิดขึ้นได้จากการต่อเล็บนั้น เป็นอันตรายที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง เนื่องจากการต่อเล็บนั้นปัจจัยที่สำคัญได้แก่ “กาว” ซึ่ง ส่วนใหญ่มักจะใช้กาวที่ทำด้วยเมธิลเมธาครายเลต ซึ่งมีราคาถูก โดยจะมีลักษณะกลิ่นฉุน และเป็นพิษ อาจจะมีปฏิกิริยากับผิวหนังหรือทำให้เล็บเสียหายถาวรได้อีก ทั้งเมื่อกาวแห้งจะแข็งตัว และมักจะยึดติดกับเล็บจริงอย่างแน่นหนา จึงอาจทำให้เล็บฉีกได้เมื่อจะถอดออก บางครั้งเมื่อถอดเล็บปลอมไม่ออก ถึงกับต้องใช้ตะไบตัดออก ก็ยิ่งทำให้เล็บที่อยู่ข้างใต้เสียหายหนัก ซึ่งจะส่งผลถึงสุขภาพของเล็บได้ นอกจากนั้นกาว ซึ่งเป็นสารเคมีอาจถูกดูดซึมเข้าสู่เล็บ และอาจเป็นสาเหตุของการติดเชื้อราหรือสะสมเชื้อราภายใต้เล็บ
^^รู้แบบนี้แล้ว เห็นทีสาวๆ ที่รักสวยรักงาม และชื่นชอบการต่อเล็บต้องหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องของความปลอดภัยกันบ้างแล้วล่ะค่ะ...^^
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)